ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
นายก อบจ.ขอนแก่น

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์
นายก อบจ.ขอนแก่น

เมนูหลัก
ทำเนียบ

 

Office356

โรงเรียนสังกัด อบจ.ขอนแก่น

ระบบสมาชิก
Username :
Password :
[ สมัครสมาชิก ] | [ ลืมรหัสผ่าน ]
สมาชิกทั้งหมด 8 คน
สมาชิกที่กำลังออนไลน์ 0 คน


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
ลิเวอร์พูล สร้างรอยยิ้มให้กับกองเชียร์ เดอะ ค็อป ได้อีกครั้งเมื่อเปิดบ้านสยบ เบรนท์ฟอร์ด  VIEW : 98    
โดย G

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 34
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 4
Exp : 71%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 194.5.82.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์ ที่ 19 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2566 เวลา 10:51:57   

 

ลิเวอร์พูล สร้างรอยยิ้มให้กับกองเชียร์ เดอะ ค็อป ได้อีกครั้งเมื่อเปิดบ้านสยบ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 จากฝีเท้าของ โม ซาลาห์ เจ้าเก่าในเกม พรีเมียร์ลีก ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. เพิ่มสถิติกำชัยในเกมลีกได้เป็นนัดที่หกติดต่อกันแล้ว
จากผลลัพธ์ดังกล่าว ทำให้ เร้ด แมชีน ได้ลุ้นคว้าตั๋วเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นหน้ามากขึ้นไปอีกกับการเร่งสปีดไล่ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้น แม้จะลงเล่นมากกว่าสองนัดก็ตามซึ่งต้องดูกันล่ะว่า ผีแดง จะพลาดท่าสะดุดล้มให้ทีมคู่แค้นแสนรักแซงหน้าไปได้หรือเปล่าในโค้งสุดท้ายของซีซั่น

1. คล็อปป์ สลับโผสามตำแหน่ง

เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนโผนักเตะตัวจริงสามรายจากเกมกำชัยเหนือ ฟูแล่ม 1-0 ที่ แอนฟิลด์  นัดก่อนเมื่อคืนวันพุธโดยเลือกใช้งาน  แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน , โคดี้ กัคโป และ ดีโอโก้ โชต้า ออกสตาร์ต

ส่วนสามรายที่ต้องหล่นไปนั่งข้างสนามได้แก่ คอสตาส ซิมิคาส , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ หลุยส์ ดิอาซ ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้รับภาระกัปตันทีม

2. แฟร้งค์ โรเตชั่นทีมสองจุด

โธมัส แฟร้งค์ กุนซือทีม เบรนท์ฟอร์ด ปรับทัพสองตำแหน่งจากเกมเฝ้าบ้านสยบ ฟอเรสต์ 2-1 เมื่อสุดสัปดาห์บุกมาเยือน แอนฟิลด์ และหวังหักปีก หงส์แดง สองนัดไปกลับในลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร

สำหรับสองตำแหน่งที่ว่า ผู้จัดการทีมชาว เดนมาร์ค เลือกจับ มิคเคล ดามส์การ์ด กับ เควิน เชด นั่งข้างสนามเพื่อเปิดทางให้ มาติอัส ยอร์เกนเซ่น กับ แฟร้งค์ ออนเยก้า ลงเล่นเป็นตัวจริงโดยมี ไอแวน โทนีย์ สวมปลอกแขนกัปตัน

3. 100 ประตูที่ แอนฟิลด์

หลังเข็มนาฬิกาผ่านไปแค่ 13 นาที โม ซาลาห์ สตาร์ตัวตึงของทีมเจ้าบ้านก็แผลงฤทธิ์อีกจนได้กับการสอยตาข่ายพา ลิเวอร์พูล ออกนำ เบรนท์ฟอร์ด อย่างรวดเร็ว และเป็นประตูที่ 100 ของเขาพอดีที่เกิดขึ้นในสังเวียนแข้ง แอนฟิลด์ แม้จะไม่ใช่สถิติที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดก็ตาม

โรเจอร์ ฮันต์ 122 นัด (100 ประตูที่ แอนฟิลด์)

กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน 125 นัด

ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ 127 นัด

เอียน รัช 140 นัด

โม ซาลาห์ 144 นัด

พร้อมกันนี้ มันเป็นการยิงได้ 30 ประตูในทุกรายการติดต่อกันสามซีซั่นของหัวหอกไอยคุปต์แล้ว แถมเป็นการสร้างสถิติใหม่ของสโมสรด้วยจากการคลำเป้าใน แอนฟิลด์ ได้ 9 นัดติดต่อกันในทุกรายการ

9 ประตู : ซาลาห์  (ก.พ.-ปัจจุบัน)

8 ประตู : หลุยส์ ซัวเรซ (เม.ย.2013-ม.ค.2014) , กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน (ก.ย.1927-มี.ค.1928)

7 ประตู : เฟร์นานโด ตอร์เรส (ก.พ.-เม.ย.2008)

ยิ่งไปกว่านั้น หลังยิงได้ 186 ประตู ซาลาห์ กระโดดขึ้นรั้งอันดับ 5 ร่วมดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรเช่นเดียวกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางกัปตันทีมด้วย

เอียน รัช  346

โรเจอร์ ฮันต์ 285

กอร์ดอน ฮ็อดจ์สัน 241

บิลลี่ ลิดเดลล์ 228

สตีเว่น เจอร์ราร์ด , โม ซาลาห์ 186

4. สกอร์ไม่ได้สะท้อนรูปเกมไปซะทุกนัด

แม้จะลงเอยด้วยการเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ได้แค่ 1-0 แต่บอกได้เลยว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ หงส์แดง สมควรคว้าสามแต้ม ผิดไปจากนัดก่อนที่พวกเขาพิชิต ฟูแล่ม ได้ด้วยสกอร์เดียวกันนี้

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะทีม เดอะ บีส์ ไม่ได้สร้างความหนักอกให้กับเจ้าบ้านเลยแม้แต่น้อย และเป็น ลิเวอร์พูล เองที่ไม่อาจเช็คบิลเพิ่มได้ซึ่งแม้ทีมของ คล็อปป์ จะออกนำตั้งแต่ไก่โห่ซึ่งเท่ากับว่าทีมเยือนมีเวลาหาช่องทางทวงประตูคืนอีกนาน แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าสามารถสร้างความกดดันให้กับ เร้ด แมชีน ได้

นอกจากนี้ สถิติยังชี้ให้เห็นด้วยว่าหากนำหน้าคู่แข่งก่อนในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ในเกม พรีเมียร์ลีก มานาน 122 นัดแล้ว และมันเพิ่มตัวเลขเป็น 123 นัดตามระเบียบ สวนทางกับ เบรนท์ฟอร์ด ที่ถ้าเสียประตูก่อนในครึ่งแรกของซีซั่นนี้ พวกเขาแทบพลิกสถานการณ์ไม่ได้เลยจากผลงานชนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 8 เมื่อรวมเกมล่าสุดเข้าไปด้วย

ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล เฝ้าบ้านคว่ำ เบรนท์ฟอร์ด ได้เป็นเกมที่ 7 ติดต่อกันแล้วในทุกรายการ และเป็นการชนะในลีก 6 นัดติดต่อกันสำหรับ เร้ด แมชีน ด้วยแม้ว่า 5 นัดหลังจะเป็นการเบียดชนะคู่แข่งด้วยสกอร์เดียวเท่านั้น

รวมเบ็ดเสร็จหลังจบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ครองบอลได้เหนือกว่า 54:46% และที่เยี่ยมไปกว่านั้นคือการหาโอกาสยิงประตูได้มากกว่า 15:5 ครั้ง และส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 5:1 ครั้งซึ่งชี้ให้เห็นว่าแม้จะชนะแค่เม็ดเดียว แต่มันไม่ใช่เกมที่น่าหวาดเสียวสำหรับเจ้าบ้านเลยแม้แต่น้อยโดยที่ อลิสซง สร้างผลงานเก็บคลีนชีตกับ ลิเวอร์พูล ได้ครบ 100 นัดพอดีในทุกรายการ ขณะที่ 5 ครั้งที่ เดอะ บีส์ ได้ง้างยิงในเกมนี้เป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดเทียบเท่าของพวกเขาในเวลา 90 นาทีของเกม พรีเมียร์ลีก ด้วยนับตั้งแต่ปี 2021

5. หงส์ไม่แผ่วแน่ แต่ผีล่ะ?

แล้วในที่สุด คล็อปป์ ซึ่งยืนยันเรื่อยมาว่า ลิเวอร์พูล ไม่มีสิทธิ์คิดฝันถึงการคว้าอันดับท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้สามารถทำแต้มไล่จี้ แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือแค่แต้มเดียวเท่านั้นแม้จะลงเล่นมากกว่า ปีศาจแดง สองเกมก็ตาม

จากการกำชัยในลีก 6 นัดติดต่อกันฟ้องให้เห็นว่า เร้ด แมชีน กำลังเล่นได้อย่างเข้าฝัก ต่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ต้องลุ้นกันแบบนัดต่อนัดว่าสกอร์จะออกมาในแง่ไหนซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าโมเมนตัมในขณะนี้เหวี่ยงมาทางทีมลูกหนังแห่งเมอร์ซีย์ไซด์แล้ว

และที่สำคัญ เร้ด แมชีน ผ่านเกมยากกับ เบรนท์ฟอร์ด ไปได้แล้วจึงเหลือแค่ แอสตัน วิลล่า รายเดียวเท่านั้นที่เป็นขวากหนามสำคัญต่อการเก็บสามแต้มเต็มของพวกเขา แต่ถึงขณะนี้กลายเป็นว่าทีมของ อูไน เอเมรี่ ออกอาการแผ่วแพ้สองเกมติดต่อกันแล้ว จึงไม่แน่เหมือนกันว่า สิงห์ผงาด ดีพอที่จะสกัดดาวรุ่งจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้หรือเปล่า แต่สำหรับ เลสเตอร์ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน มีแววแจกสามแต้มให้กับ ลิเวอร์พูล ชนิดค่อนข้างแบเบอร์เลยก็ว่าได้

ฉะนั้นแล้ว จึงเหมือนที่เคยบ่งชี้เอาไว้ว่า หงส์แดง มีสิทธิ์ชนะรวดทุกนัดในเกมที่เหลืออยู่ และตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วที่จะฝ่าความกดดันตรงนี้ไปได้ดีแค่ไหนเพราะเป็นเรื่องยากเอาการที่ทีมของ เอริค เทน ฮาก จะชนะรวดในเกมที่ตุนอยู่ในมือหลังออกอาการป้อแป้ให้เห็นหลายนัดแล้วในระยะหลังซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแน่หากทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด จะสะดุดอีกไม่ว่าจะเป็นการพ่ายให้กับคู่แข่ง หรือว่าเก็บได้แค่แต้มเดียวก็ตามโดยเกมที่พวกเขาจะออกไปเยือน เวสต์แฮม ในวันอาทิตย์นี้จะเป็นบทพิสูจน์อีกหนว่ากุนซือดัตช์จะแก้ไขสถานการณ์ให้ทีมได้หรือไม่ และหากเก็บสามแต้มออกจาก ลอนดอน สเตเดี้ยม ไม่ได้ไม่ว่าจะแพ้หรือแค่เสมอกับ เดอะ แฮมเมอร์ส แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ก็ต้องเริ่มทำใจให้จงดีว่ามีสิทธิ์บรรลัยเกิดอย่างแน่นอนสำหรับช่วงที่เหลือ

ส่วน ไบรท์ตัน อีกทีมที่ คล็อปป์ แสดงความเป็นกังวลเนื่องจากเหลือเกมตุนอีกเยอะ และจะแซงนำ ลิเวอร์พูล ได้หากชนะรวดทุกเกม บอกได้เลยว่าแม้ นกนางนวล จะมีผลงานที่ดี แต่ทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ มีคิวต้องบู๊กับทั้ง อาร์เซน่อล , นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ซิตี้ พวกเขาจึงไม่น่าจะใช่คู่แข่งในอันดับท็อปโฟร์อย่างแน่นอนเว้นก็แต่ว่าทีมจาก เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม จะเกิดผีเข้าเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มทุกเกม

 

สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufabet