กลายเป็นว่าการตัดสินตามตำรา “ใบแดง” สำหรับผู้เล่นที่มีเจตนาใช้มือบนเส้นเขตโทษทำให้เกมคู่นี้เหมือนเล่นแค่ 45 นาที
ถ้าให้เลือกได้ผมอยากให้มัน 1-1 แล้ว 11 ตัวเท่ากันมากกว่า กลายเป็นบิ๊กแมทช์ที่รอดูมาทั้งสัปดาห์มันไปไม่สุด ฝั่ง เชลซี เองก็ไม่มีทางเลือกตัวน้อยกว่าก็ต้องรับในแดนทั้ง 10 คน
โดยส่วนตัวผมคิดว่า รีส เจมส์ ควรแค่ใบเหลืองและจุดโทษก็น่าจะสาสมกับการลงโทษ เนื่องจากภาพที่ออกมาบอลอยู่ใกล้ตัวพยายามใช้ขาเล่น
คือเคสของ เจมส์ ภาพมันไม่ได้ออกมาน่าเกลียดเหมือนตอน หลุยส์ ซัวเรส ที่ขานั้นกระโดดปัดสองมือแบบสวมวิญญาณโกล์ในศึกฟุตบอลโลก 2010
อย่างไรก็ตามกฏนี้เขียนไว้เพื่อให้ “ฝ่ายทำฟาว์ล” มีราคาต้องจ่ายแพงขึ้นมาหน่อยเนื่องจากการที่ “ฝ่ายรุก” กำลังจะได้ประตูแต่ต้องมายิงจุดโทษวัดกันอีกที
ใบแดงจากการใช้มือป้องกันบอลที่กำลังจะข้ามเส้นผมเห็นใบแดงแทบ 100 % เลยนะเพียงแต่มันเกิดขึ้นไม่บ่อยเราเลยอาจไม่ค่อยชิน ส่วนมากจะเป็นพวกกางแขนเพื่อป้องกันลูกครอสด้านข้างมากกว่า
อันโธนีย์ เทย์เลอร์ ใช้เวลาแค่ 1 วินาทีในเช็ก VAR ทำให้ในมุมมองของแฟน “สิงห์บลู” ที่มีอคติเหม็นขี้หน้าแกมานานยิ่งรู้สึกคาใจคล้ายๆว่ามีปมอะไรกับทีมกูหรือเปล่า ทำนองนั้น
ถ้าตัดเหตุการณ์ใบแดงและจุดโทษนี้ออกไป ผมเชื่อว่า (หรือจะใช้คำว่าค่อนข้างมั่นใจ) “หงส์แดง” มีโอกาสสูงมากที่จะคาบ้านอีกปี
เจ้าถิ่นถูกแท็คติกส์ โธมัส ทูเคิ่ล ปิดตายทุกอย่าง การเสียประตูแบบไม่คาดฝันจากลูกเตะมุมที่คุมโซนปล่อยให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ โหม่งคนเดียวทำให้เข้าแผน เชลซี เต็มๆ
รับในแดนตัวเองรอเก็บกินเพื่อสวนกลับโดยใช้ตัว ลูกากู เป็นตัวพักบอลเพื่อให้ เมาท์ กับ ฮาแวร์ตซ์ ประสานงานร่วมกัน
เมื่อคุณเสียประตูให้ทีมอย่าง เชลซี และพื้นที่สุดท้ายมีผู้เล่นยืนคุมอยู่ 6-7 ตัวทำให้พวกลูกวางยาวของทั้ง VvD หรือ TAA ถูกปิดตายทันที
ไม่ต้องพูดถึงพวกการผ่านบอลทั่วไปให้เสียเวลา ตลอดครึ่งแรกจ่ายกันเสียเยอะมาก ริมเส้นก็ตัน ถึงได้ครอสพวกเซนเตอร์+เมนดี้ ก็รอดักกินลูกโด่งอยู่แล้ว
บวกการเพรสแย่งบอลของฝั่ง เชลซี นำโดย ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ ทำให้ผมมองไม่เห็นเลยว่าจะเจาะด้วยวิธีไหน
จะว่าไป “หงส์แดง” ควรจบชีวิตตัวเองไปแล้วตั้งแต่นาที 35 หาก เมสัน เมาท์ ยิงฝังจังหวะที่ “พี่ตู้” พลิกหนี มาติ๊ป จนถวายพานทองแท้ให้
การแก้ปัญหา “หน้างาน” จากเดิมภาระกิจคือบุกมาเอา 3 แต้มที่ แอนฟิลด์ เปลี่ยนเป็น “hold” 1 แต้มที่มีอยู่ในมือครั้งนี้ถือว่า เชลซี บรรลุเป้า
เราจะเห็นได้ว่านักเตะทีมเยือนล้อมวงรวม “สปิริต” หลังสิ้นเสียงนกหวีด ในขณะที่ข้างสนาม ทูเคิ่ล และทีมงานกำหมัดกับในการรับมือบอลแบบ “วันเวย์” ตลอด 45 นาที
เมื่อตัวน้อยกว่าและเจอกับการเพรสแบบเอาตายของ ลิเวอร์พูล ทำให้ทางเลือกของ “สิงห์บลู” มีแค่ 2 อย่างม้วนคืนหลังกับเปิดยาวทิ้ง
แต่ขนาด “วันเวย์” เชื่อเหลือเกินว่า เดอะ ค็อป น่าจะใจหายลูกที่ ลูกากู วอลเลย์เต็มตีนเตี่ยแล้วติดบล็อก มาติ๊ป ถ้าไม่มีเจ๊ผมว่าตาข่ายขาดแน่ๆ
นอกจากต้องชื่นชม “วินัย” เกมรับของ เชลซี แล้ว ฝั่ง ลิเวอร์พูล เองก็ไร้ความอันตรายในการเข้าทำจนดูไปดูมาไม่มี “ฟีล” แบบว่าเดี๋ยวก็ยิงเหมือนในเกมอื่นๆที่เล่นในบ้าน
มาเน่ กับ ซาลาห์ ที่เป็น 2 ผู้เล่นที่พอจะทำอะไรกับบอลได้ฝ่าไม่ไหวจริงๆครับ หลายชั้นเกิน ยิ่งกับ ณ เดช ยังไม่เปลี่ยนนิสัยล้มง่ายรอเอาฟาว์ล เห็นแล้วหงุดหงิดแทน
ในขณะที่ เอเลียต อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าน้องมันยังเกรงใจพี่อยู่ ได้บอลแล้วรีบส่งคืนให้จนเหมือนทับกับ ซาลาห์ จนแนวรับ “สิงห์บลู” ใช้ไฟล์เดิมในการรับมือกับ 2 คนนี้ได้ง่ายๆ
ครับ มองกันแบบปล่อย “เกียร์ว่าง” โชคดีที่กีฬาฟุตบอลมีผล “เสมอ” ที่ผมมองว่ามันยุติธรรมที่สุดแล้วสำหรับเกมคืนนี้
อาจต่างกันเล็กน้อยตรงที่ “หงส์แดง” รู้สึกเหมือนทำหายไป 2 แต้มและ เชลซี มองเป็น 1 แต้มที่รักษาไว้ได้...
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ ดูบอลสด ufabet777
|