แฟน ลิเวอร์พูล ควรทำตัวให้ชินกับการดูบอลในฤดูกาลนี้ไว้เลยครับ บอลเหนือกว่าเยอะโอกาสนับสิบแต่ต้องมาวิ่งน้ำบานกันจนกระทั่ง 90+5 วนลูปประมาณนี้ยาวๆไป
เกมที่ เอลแลนด์โร้ด ผมเคยพูดเอาไว้ว่าถ้าเลือกจะเล่นแนวนี้ ช่วงที่คุณพีคที่สุดและกดคู่แข่งอยู่หมัดต้องปิดเกมให้จบๆ อย่าให้มันค้างที่ 1-0 นานจนก่อตัวเป็นความกดดัน
บังเอิญวันนั้น ลีดส์ ยูไนเต็ด หน้าไม่เอากันเองเลยมาบวกเพิ่มง่ายๆ ไม่เปลืองตัว แต่ไม่ใช่กับ เอซี มิลาน ที่ลงโทษเจ้าถิ่นด้วยการยิง 2 ลูกใน 2 นาที
ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่อุ้มระเบิดลงสนามทุกนัด เป็นการต่อสู้กับตัวเอง เส้นบางๆระหว่าง easy กับ tough คั่นด้วยความเด็ดขาด
ครึ่งแรกจบลงด้วยสถิติ “หงส์แดง” มีโอกาส 14 หน เข้ากรอบ 4 ได้มา 1 ประตูส่วน “ปีศาจแดงดำ” ยิง 4 เข้ากรอบ 2 และเป็น 2 ประตู
เป็นสกอร์ที่ทำให้ทุกคน “เหวอแดก” คือแค่นำลูกเดียวยังโมโหแต่เผลอไปแกะไข่ต้ม 2 ฟองกลับมาตามหลัง 2-1 เฉย
ตั้งแต่เริ่มเขี่ย “หงส์แดง” แสดงตัวชัดเจนว่าจะปิดเกมเร็วหลังพับสนามวันเวย์ โดย 15 นาทีแรกมีโอกาสยิงมากถึง 13 ครั้ง!!
แม้กระทั่งตอนได้จุดโทษ ผมยังบอกกับตัวเองว่าจะ 2-0 เกมจบตั้งแต่นาทีที่ 13 เลยเหรอ มันไม่ใช่ liverpool way นะ มีอะไรได้มาง่ายๆด้วยเหรอทีมนี้
สุดท้ายมันก็ไม่ง่ายและทำให้เกมที่ควรเล่นถนอมตัวหรือพักตัวหลักตั้งแต่เนิ่นๆกลายเป็นต้องออกแรงกันน้ำบานยันทดเจ็บ
เป็นการฉกฉวยประโยชน์จากการขึงใส่ มิลาน ตลอด 40 นาทีในครึ่งแรกที่สูญเปล่าสุดๆ
มิลาน คัมแบ็คเวที UCL หนแรกหลังหายไป 7 ปี ผมดูแล้วแอบสงสาร หลังเจอ “เกเก้นเพรส” อย่างโหดจนต้องคืนหลังเตะสาดทิ้ง พวกตัวรุกไม่มีใครเจอบอล
เป็นแบบนี้อยู่นานเกือบทั้ง 45 นาทีจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์สุดเวทนาในช่วงนาที 42 และ 44 เปลี่ยนสกอร์ให้พักครึ่งแบบงงกันทั้งสนาม
เป็นการต้อนรับน้องใหม่ที่เหมือนบอลคนละชั้นแต่ความเลินเล่อของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เติมเกมรุกมันไปหน่อยทำให้ทั้ง 2 ลูกที่โดนเจาะฝั่งน้องมันตลอด
ยิ่งมาเจอ โจ โกเมซ ที่เช็กไลน์ไม่เป็น ถอยต่ำให้กองหน้าเขาวิ่งสอดสบายๆ เป็นการยืนยันว่า เวอร์กิล ฟานไดคจ์ สำคัญไฉนในการเล่นเกมรับลักษณะนี้
สัญญาณอันตรายที่ทุกคนทราบกันดีคือ ลิเวอร์พูล ฝากผีฝากไข้การทำประตูไว้กับนักเตะเพียงแค่ไม่กี่คนหรือพูดเจาะจงไปเลยก็คือถ้าไม่มี ซาลาห์ ซักคนก็จบ
หอก อิยิปต์ หมดโควต้ายิงได้ 1 กับลูกตีเสมอและต้องบอกว่าโชคดีแค่ไหนสำหรับคนที่ร้อยวันพันปีจะยิงซักประตูอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
Rare goal โผล่มาในจังหวะสำคัญ, ช่วงเวลาสำคัญ และในเกมสำคัญ
ผมเข้าใจว่า JK ไม่อยากจัด line up หน้าเดิมติดๆกันแต่ตัวสำรองที่นอกเหนือจาก starting 11 คุณภาพห่างกันเกินไป
ดิวอร์ค โอริกี้ ตามสภาพและเล่นไม่เข้าจังหวะกับใครแต่ด้วยความเป็นเทพท่านจึงแอสซิสต์ก่อนเสกให้ตัวเองเจ็บเพื่อเปิดทางให้ ซาดิโอ มาเน่ ตัวจริงลงมาพลิกเกม
แต่ชั่วโมงนี้ เดอะ ค็อป ก็ไม่ได้หวังอะไรกับ ณ เดช อยู่แล้วครับ เมื่อพิจารณาจากโอกาส 10 หนยิงได้ 1 ลูกในเกมกับ “ยูงทอง”
ที่น่าเสียของคือวันนี้ JK สลับตำแหน่งของ โอริกี้ กับ ดิโอโก้ โชต้า เพราะหอก โปรตุเกส จะอันตรายที่สุดคืออยู่ในกรอบเขตโทษ เอาไปยืนริมเส้นก็แทบไม่ได้ช่วยแบ่งเบางานอะไรซักเท่าไหร่
ในส่วนของ มิลาน แม้เกมนี้จะเป็นรองค่อนข้างเยอะแต่สังเกตดีๆจะมีช่วง moment ที่อาจเกิดขึ้นไม่บ่อยแต่เกมรุกท้าทายแนวรับเจ้าถิ่นได้เอาเรื่อง
ถ้าวันไหนลงสนามในฐานะเจ้าบ้านที่ต้องเป็นฝ่าย initiative approach หรือทำเกมเข้าหาคู่ต่อสู้ก่อน ผมยังมองว่ามีของให้ปล่อยอยู่พอสมควร
ครับ 3 แต้มในวันนี้ของ ลิเวอร์พูล เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเอามากๆเพราะต้องไม่ลืมว่านี่คือ group of death ที่ทุกชัยชนะโดยเฉพาะในบ้านชี้ให้คุณเข้ารอบหรือตกรอบในบั้นปลายได้เลย
วันนี้แฟน ”หงส์” แม้รู้สึกคันปากบ่นทีมตัวเองด้วยความหงุดหงิดแต่อย่างน้อยก็เป็นการบ่นที่ยืนอยู่บนกองชัยชนะ
แต่มันต้องมีซักวันแน่ๆที่เราต้องมารวมตัวเสวนาโดยที่ไม่มีซักแต้ม ช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง...
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ 77up
|